ต้นไม้หล่นใส่รถพังเสียหาย อุบัติเหตุจากภัยธรรมชาติ แบบนี้ประกันภัยรถยนต์จะคุ้มครองความเสียหายหรือไม่ ?

ต้นไม้หล่นใส่รถพังเสียหาย อุบัติเหตุจากภัยธรรมชาติ แบบนี้ประกันภัยรถยนต์จะคุ้มครองความเสียหายหรือไม่ ? 

หรือถือเป็นเหตุสุดวิสัย แจ้งเคลมประกันในรูปแบบใดได้บ้าง มีประกันภัยรถยนต์ประเภทไหนบ้างที่คุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นจากกิ่งไม้หล่นใส่รถที่เกิดจากพายุ ฝนตก ลมแรง ฯลฯ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไร? ไปดูกันค่ะ



กรณีที่กิ่งไม้ตกใส่รถ จนทำให้เกิดความเสียหายโดยที่คุณไม่ได้คาดคิดมาก่อน ซึ่งหากคุณทำประกันภัยรถยนต์ที่มีความคุ้มครองครอบคลุมอย่าง ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ก็ถือว่าหมดห่วงแน่นอนค่ะ 

เนื่องจากประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 นั้นมีความคุ้มครองครอบคลุมมากที่สุด แม้มีราคาสูงกว่าประกันประเภทอื่นๆ ทำให้สามารถคุ้มครองสาเหตุที่เกิดจากภัยธรรมชาติ เช่น กิ่งไม้ร่วงใส่รถ ต้นไม้ล้มทับรถ หรือแม้แต่การโจรกรรมรถยนต์อีกด้วยค่ะ และและยังมีความคุ้มครองอื่นๆ อีกมากมาย ขึ้นอยู่กับรายละเอียดและข้อตกลงในกรมธรรม์นะคะ


แต่ถ้าทำประกันภัยรถยนต์ประเภทอื่น เช่น ประกันชั้น 2+ ประกันชั้น 3+ หรือประกันชั้น 3 คุณจะต้องตรวจสอบรายละเอียดในกรมธรรม์ว่าประกันภัยรถยนต์ที่คุณทำมานั้น รับผิดชอบในส่วนของกิ่งไม้หล่นใส่รถหรือไม่ หากทำแบบคุ้มครองแค่รถชนรถ หรือรับผิดชอบเฉพาะคู่กรณี ก็อาจจะต้องควักกระเป๋ามาซ่อมรถเองค่ะ


อย่างไรก็ดี สามารถติดต่อบริษัทประกันฯ ที่คุณทำอยู่ เพื่อทำประกันเสริมเพิ่มเติมได้ “ทำประกันรถไว้ยังไงก็ถือว่าคุ้มกว่าซ่อมเองแน่นอนค่ะ”


เหตุสุดวิสัย โทษใครไม่ได้

ตามมาตรา 8 คำว่า “เหตุสุดวิสัย” หมายความว่า เหตุใดๆ อันจะเกิดขึ้นก็ดี จะให้ผลพิบัติก็ดี เป็นเหตุที่ไม่อาจป้องกันได้ แม้ทั้งบุคคลผู้ต้องประสบหรือใกล้จะต้องประสบเหตุนั้นจะได้จัดการระมัดระวังตามสมควรอันพึงคาดหมายได้จากบุคคลในฐานะและภาวะเช่นนั้น…

เรื่องลมพายุพัดต้นไม้ล้มมาทับรถ ก็นับว่าเป็นเหตุสุดวิสัยค่ะ ดังนั้น จะโทษใคร หรือเรียกร้องเอาค่าเสียหายกับใครไม่ได้เลยค่ะ 

เว้นแต่...คุณได้ทำประกันภัยรถยนต์ ไว้เพื่อลดความเสี่ยงจากเหตุสุดวิสัยค่ะ


ต้นไม้ริมถนนที่อยู่ในความดูแลของหน่วยงานราชการ ล้มทับรถยนต์ได้รับความเสียหาย ใครรับผิดชอบ?

ต้นไม้ที่ปลูกอยู่ข้างถนนซึ่งเทศบาล กรุงเทพมหานคร หรือกรมทางหลวง ซึ่งมีหน้าที่ดูแล มีสภาพผุกลวงเสื่อมโทรม ถ้าในวันเกิดเหตุมีฝนตกเพียงเล็กน้อยถึงปานกลางในช่วงสั้นๆ และความเร็วของลมก็เป็นความเร็วลมปกติ การที่ต้นไม้ล้มลงทับรถยนต์ของคุณ จึงไม่ใช่เกิดจาก “เหตุสุดวิสัย” แต่อันเนื่องมาจากสภาพอากาศแปรปรวนถึงขั้นพายุ แต่เป็นความบกพร่องของหน่วยงานดังกล่าว ที่ไม่ยอมโค่นหรือค้ำจุนต้นไม้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ดังนั้นหน่วยงานดังกล่าวจึงตกเป็นจำเลยที่ 1 และต้องรับผิดชอบค่าเสียหาย รวมทั้งค่ารักษาพยาบาล และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ค่ะ



ต้นไม้ในที่ดินของเพื่อนบ้านหล่นทับรถยนต์ได้รับความเสียหาย ใครรับผิดชอบ?

กรณีเช่นนี้หากเราจอดรถในลักษณะที่ไม่ผิดกฎหมาย หรือไม่จอดรถในที่ห้ามจอด แล้วเกิดเหตุต้นไม้ล้มทับรถของเราได้รับความเสียหาย ซึ่งกรณีนี้ทางเพื่อนบ้านจะต้องใช้ประกันภัยที่อยู่อาศัย หรือเรียกว่า “ประกันภัยบ้าน” มารับผิดชอบในส่วนนี้ค่ะ แต่ถ้ากรณีที่เพื่อนบ้านหรือเจ้าของบ้านดังกล่าว ไม่ได้ทำประกันภัยบ้านเอาไว้ ก็ต้องหาหลักทรัพย์หรือเงินมาชำระค่าเสียหายค่ะ 

แต่ถ้าหากเขาไม่ยอม ก็ให้เราเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันฯ เพื่อที่ทางบริษัทประกันฯ จะดำเนินการเรียกร้องค่าเสียหายกับเจ้าของพื้นที่ เนื่องจากต้นไม้ที่อยู่ในพื้นที่ของเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะเป็นพายุ ลมแรงหรือฝนตกหนัก เป็นเหตุให้ต้นไม้ล้มลงมาทับรถของเราเสียหาย ก็ถือว่าเข้าข่ายว่าเขาไม่ยอมดูแลต้นไม้ให้มีรากหรือกิ่งไม้แข็งแรงนั่นเองค่ะ


และเพื่อความสบายใจในการใช้รถและเพิ่มความอุ่นใจในการขับขี่ เพื่อนๆ ก็อย่าลืมเพิ่มความคุ้มครองด้วยการทำประกันภัยรถยนต์นะคะ หรือจะให้ INSUREFRIEND ช่วยเลือกประกันที่เหมาะกับคุณที่สุด ก็ยินดีค่ะ

โทร. 02-759-9400, 094-964-5464 แอดไลน์ @insurefriend หรือการสแกนคิวอาร์โค้ดด้านล่างนะคะ

 


 สแกนคิวอาร์โค้ดที่นี่ค่ะ



My Instagram

Copyright © InsureFriend.net.