Home new การเคลมประกันรถยนต์ มีกี่แบบ..แล้วแต่ระแบบแตกต่างกันอย่างไร ?
การเคลมประกันรถยนต์ มีกี่แบบ..แล้วแต่ระแบบแตกต่างกันอย่างไร ?
ไม่ระบุชื่อ 9.9.63 0
การเคลมประกันรถยนต์ มีกี่แบบ..แล้วแต่ระแบบแตกต่างกันอย่างไร ?
สำหรับการเคลมประกันภัยรถยนต์ให้ง่ายและรวดเร็วนั้นเป็นสิ่งที่ผู้ทำประกันทั้งหลายอยาก เพราะส่วนใหญ่จะต้องเจอกับกรณีตั้งแต่พนักงานมาถึงที่เกิดเหตุช้า, ตกลงกับคู่กรณีไม่ได้, ตกลงกับประกันฝ่ายคู่กรณีไม่ได้, ประกันภัยไม่ยอมจ่าย, ทั้งขั้นตอนที่ยุ่งยากอีกมากมาย งั้นเรามาดูกันดีกว่าคะว่า..การเคลมประกันรถยนต์นั้นแบบไหนที่ช่วยให้ง่าย และรวดเร็ว
แต่ก่อนที่เราจะไปอ่านกัน ก่อนอื่นเพื่อนๆ
ก็ทราบก่อนนะคะว่า.. ลักษณะการการเคลมประกันนั้น แบ่งออกได้ 3 แบบ คือ…เครมสด, เครมแห้ง, และเครมประกันความเสียหายมากค่ะ
และพร้อมแล้วก็ไปเริ่มอ่านกันเลยค่ะ
1. เคลมประกัน [แบบสด]
·
เคลมสด คือ การเคลมในกรณีที่รถชนกัน
ณ ที่เกิดเหตุ และมีผู้เสียหายในเหตุการณ์ที่ยังรอพนักงานเคลมอยู่ในที่เกิดเหตุ
ซึ่งการเคลมประกันประเภทนี้ ผู้ขับขี่จะได้รับใบหลักฐานต่างๆ เพื่อใช้การติดต่อเรื่องค่าเสียหายที่เกิดขึ้น
เพื่อที่จะได้นำรถไปเข้ารับซ่อมต่อไปค่ะ
2. เคลมประกัน [แบบแห้ง]
·
เคลมแห้ง คือ
การเคลมประกันรถยนต์ ในกรณีที่รถเกิดอุบัติเหตุมานานแล้ว
แต่เพิ่งมาแจ้งเหตุกับบริษัทประกันภัยนั่นเองค่ะ ยกตัวอย่างเช่น เมื่อรถรถยนต์มีรอยขูดขีดอันเนื่องมาจากการเฉี่ยวชน
ซึ่งโดยปกติแล้วการเคลมแห้งมักจะเป็นการเคลมโดยไม่มีคู่กรณี ซึ่งอาจจะทำให้ผู้เอาประกัน
ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เพราะบางครั้งอาจจะเกิดจากความประมาทของตัวผู้ขับขี่เอง
บางครั้งก็อาจจะเป็นเพราะคนอื่นขับมาชนบ้าง รวมถึงสาเหตุอื่นๆอีกมากมายค่ะ ซึ่งเมื่อเกิดอุบัติเหตุและมีคู่กรณี
คุณก็ควรรีบโทรแจ้งไปยังบริษัทประกันภัย ทันที
พร้อมทั้งขอข้อมูลของพนักงานที่จะมาเคลมให้ด้วย เช่น ชื่อ – นามสกุล และเบอร์ติดต่อ
เพื่อที่คุณจะได้ตามงานได้สะดวก แต่อย่างไรก็ตาม
หากคุณต้องการจะนำรถเข้าซ่อมที่อู่ คุณก็ควรเตรียมเอกสารต่างๆ ไปให้ครบถ้วนด้วยค่ะ
เช่น ใบขับขี่ กรมธรรม์และสำเนาทะเบียนรถ เป็นต้นค่ะ
3. เคลมประกัน [ความเสียหายมาก]
·
เคลมประกันความเสียหายมาก คือ การเคลมประกันทั้งแบบเพิ่งจะเกิดขึ้นสดๆ
หรือเกิดขึ้นนานแล้ว ซึ่งมีเสียหายหนักมากแต่เพิ่งจะมาแจ้งเหตุ เช่น รถเกิดประสบอุบัติเหตุเสียหายจนขึ้นไม่สามารถขับได้เป็นอาทิตย์
แต่เพิ่งมาแจ้งเหตุ แบบนี้เป็นต้นค่ะ
ทั้งนี้ ในระหว่างการเคลมประกันนั้น
พนักงานเคลมจะสอบถามข้อมูลต่างๆ จากทั้งผู้เอาประกันภัยและคู่กรณี
พร้อมทั้งให้คุณสรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ว่าไปไงมาไงใครถูกใครผิด เป็นต้นค่ะ
ซึ่งตรงนี้ ทั้งตัวผู้เอาประกันและคู่กรณีก็ควรที่จะให้ความร่วมมือกับพนักงานด้วยนะคะ
ต่อจากนั้น พนักงานก็จะถ่ายรูปตัวรถ
สถานที่เกิดเหตุ เป็นต้นค่ะ จากนั้น เมื่อพนักงานทำการเคลมเสร็จแล้ว
พนักงานเคลมก็จะสรุปผลทั้งหมด และให้ข้อมูลกับคุณว่าจะต้องดำเนินการต่อไปอย่างไรบ้าง
เช่น ต้องนำรถไปซ่อมที่ไหน พร้อมทั้งสรุปค่าใช้จ่ายที่อาจจะมีเพิ่มเติม
และพนักงานเคลมก็จะออกใบเคลมให้ เพื่อใช้ในการยื่นกับทางอู่หรือศูนย์บริการที่รับซ่อม
อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่เกิดเหตุและคุณเป็นฝ่ายถูก
แต่รถของคู่กรณีไม่มีประกันภัย คุณก็ควรตรวจสอบข้อมูลกับบริษัทประกันภัยด้วยว่า พนักงานได้ลงบันทึกข้อมูลอุบัติเหตุไว้ว่าอย่างไร
คุณเป็นฝ่ายถูกหรือไม่ !! เพราะว่าหลังจากที่คุณเคลมประกันแล้ว ถ้าไม่มีการระบุไว้คุณอาจจะต้องเสียค่าประกันเพิ่มขึ้นในปีถัดไปได้ค่ะ