เจอคู่กรณีหัวร้อน แล้วเราจะรับมือยังไงดี!!



เรื่องอุบัติเหตุบนท้องถนนนั้น ต่างก็ไม่มีผู้ขับขี่คนไหนอยากให้เกิดขึ้นอยู่แล้ว ทั้งต่อให้มีคู่กรณีหรือไม่มีคู่กรณี แต่หากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา กลับพบกับคู่กรณีที่หัวร้อน ไม่รับฟังเหตุผลของใครทั้งสิ้น แบบนี้เราจะรับมืออย่างไรกันดีล่ะคะ!!

สำหรับคู่กรณีที่เราหรือเขาเผลอขับรถไปชนกัน โดยที่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเราหรือเขาที่เป็นฝ่ายผิด แต่กลับมีท่าทางพฤติกรรมหัวร้อนกับเรา แบบนี้เราจะปฎิบัติตัวกับเขาอย่างไร และต้องทำอย่างไรถึงจะเจรจาต่อรองกันได้ ถ้าเพื่อนๆอยากรู้แล้วก็ตามอ่านที่ด่านล่างได้เลยค่ะ

1. หายใจเข้า – ออก ลึกๆ



หากรู้สึกว่าเราไม่สามารถจะเจรจาต่อรอง หรือต่อปากต่อคํากับอีกฝ่ายได้อีกต่อไป ให้เราลองหายใจเข้าลึกๆ – หายใจออกช้าๆ รวบรวมสมาธิ และจดจ่ออยู่กับลมหายใจของเรา”  เพราะการที่เรารวบรวมสมาธิ สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ นั้นจะช่วยให้สมองปลอดโปล่ง ทำงานได้ดีขึ้น รวมถึงลดอาการหัวร้อนได้เพื่อเป็นการแก้ปัญหาหลีกเลี่ยงการทะเลาะวิวาทกระทบกระทั่งกับอีกฝ่ายได่ค่ะ

2. โทรหาประกันของเรา


เพราะการให้บริษัทประกันภัยรถยนต์เข้ามาช่วยเจรจาต่อรอง ตรวจสอบความถูกต้องนั้นถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด  เพราะถ้าหากว่าคู่กรณีของเรานั้นไม่สามารถพูดคุยกันได้จริงๆ การเลือกเรียกเจ้าหน้าที่พนักงานประกันที่มีความรู้เชี่ยวชาญเข้ามาช่วยเจรจา จะทำให้อีกฝ่ายสามารถสงบความหัวร้อนลงได้นั่นเองค่ะ

3. จงมีสติ

การมีสติอยู่ตลอดเวลานั้นเป็นสิ่งที่พึงมี และดีที่สุด ดังคำที่แอดมินเพจนึงได้กล่าวไว้ว่า “สติมาปัญญาเกิด สติระเบิดจะเกิดปัญหา” ไม่ว่าเราจะหัวร้อนจากการโดนรถของคู่กรณีเฉี่ยวชน หรือคู่กรณีมีอาการหัวร้อน เราก็ควรที่จะตั้งสติและพยายามใจเย็นให้ได้มากที่สุดนะคะ  เพราะการโมโห หัวร้อน มักจะทำให้เราควบคุมตัวเองไม่ได้ รวมถึงอาจจะทำให้ขาดสติอีกด้วยค่ะ

ส่วนเรื่องใครผิด ใครถูก ก็ควรปล่อยให้ทางประกันเข้ามาตรวจสอบเบื้องต้น เพื่อให้เจ้าหน้าที่ประเมินความเสียหาย โดยที่เราอย่าเพิ่งตัดสินใจไปก่อนเอง มิเช่นนั้นจะกลายเป็นว่าเรายอมรับผิดไปแล้วก้เป็นได้นะคะ

เราหวังว่า 3 เทคนิคที่เรานำมาฝาก จะมีประโยชน์กับเพื่อนๆ และใช้เป็นแนวทางแก้ไขในกรณีที่เพื่อนๆ หัวร้อน หรือคู่กรณีหัวร้อนใส่เราได้นะ การเลือกทำประกันรถยนต์นั้นไม่ได้แค่ช่วยในการเจราต่อรองเพียงอย่างเดียว เพราะหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาจริงๆ ทางบริษัทประกันยังช่วยคุ้มครองเราและคู่กรณีของเราอีกด้วยค่ะ

 

My Instagram

Copyright © InsureFriend.net.